หลายๆ คนอาจเคยประสบปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ มีรอยสิว หลุมสิว รูขุมขนกว้าง หรือผิวหย่อนคล้อย แต่รู้หรือไม่ว่าปัญหาเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งหัตถการหลายอย่าง เพราะสามารถแก้ปัญหาได้จบ ครบ ในหัตถการเดียว นั่นก็คือ “เลเซอร์หน้าใส”
วันนี้ Blossom Clinic จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับการเลเซอร์หน้าใส ตัวช่วยที่จะมากอบกู้ผิวอย่างล้ำลึก ตั้งแต่เลเซอร์แก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างไร? สามารถแก้ปัญหาผิวอะไรได้บ้าง? รวมถึงวิธีการดูแลผิวหลังทำที่จะทำให้ผิวของคุณฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว พร้อมไขข้อสงสัยว่าควรทำเลเซอร์ที่ไหนดี? ใครอยู่นครปฐมหรือจังหวัดใกล้เคียง กำลังตามหาคลินิกผิวหนังใกล้ฉัน หรือ Pico Laser นครปฐม ขอแนะนำให้แวะ Blossom Clinic คลินิกเลเซอร์ นครปฐม และคลินิก ศาลายา เพราะมีบริการดูแลปัญหาผิวอย่างครอบคลุม ทั้ง Pico Laser Fractional CO2 V-IPL เดินทางก็ง่าย อยู่ใจกลางเมือง ใกล้เซ็นทรัลนครปฐมเลย ที่สำคัญมีคุณหมอที่เป็นแพทย์เฉพาะทางพร้อมดูแลทุกเคส!
เลเซอร์หน้าใสคืออะไร?
เลเซอร์หน้าใส คือ โปรแกรมดูแลผิวหน้า โดยการปล่อยพลังงานเลเซอร์ลงบนผิว เพื่อเร่งการผลัดเซลล์เม็ดสีเมลานินและกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวส่วนใหม่ขึ้นมาทดแทน จึงนิยมนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส นอกจากนี้เลเซอร์ยังสามารถช่วยลดรอยสิวและช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามการแก้ปัญหาผิวด้วยเลเซอร์ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินผิวและเลือกใช้เครื่องมือได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่องก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ทำให้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงก่อนและหลังทำได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
เลเซอร์แก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างไร?
เลเซอร์ สามารถนำมาใช้แก้ปัญหาผิวหน้าได้โดยตัวเครื่องจะปล่อยพลังงานเลเซอร์ไปยังเซลล์เป้าหมายหรือผิวหนังบริเวณที่มีปัญหา จากนั้นพลังงานจะไปจับกับเซลล์เม็ดสีหรือเมลานิน (Melanin) ส่งผลให้เซลล์เม็ดสีถูกทำลายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องรอวงจรการผลัดเซลล์ผิว
โดยกระบวนการในการทำลายเม็ดสีจะแตกต่างกันออกไปตามประเภทของเลเซอร์ โดยเลเซอร์ที่แพทย์เลือกใช้ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
- เลเซอร์ที่ทำให้ผิวเกิดอาการลอก (Ablative Laser Resurfacing) เป็นการยิงเลเซอร์พลังงานสูงลงสู่ผิวหน้า เพื่อกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพบริเวณชั้นนอกสุดให้หลุดลอกออก ร่วมกับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ในผิวชั้นกลาง ช่วยให้ผิวกระชับและเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามการใช้เลเซอร์ประเภทนี้อาจทำให้เกิดความเจ็บปวดและต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นมากกว่าเลเซอร์ประเภทอื่นๆ
- เลเซอร์ที่ทำให้ผิวเกิดอาการลอกเฉพาะส่วน (Fractionated Laser Resurfacing) เป็นการรักษาผิวด้วยเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ มีหลักการทำงานคล้ายเลเซอร์ที่ทำให้ผิวเกิดอาการลอก แต่พลังงานที่ใช้จะถูกยิงเป็นจุดเล็กๆ เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อใต้ผิวบริเวณอื่นถูกรบกวน โดยวิธีนี้จะช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ร่วมกับการขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุด
- เลเซอร์ที่ไม่ทำให้ผิวเกิดอาการลอก (Non–Ablative Laser Resurfacing) เป็นวิธีการรักษาผิวหน้าด้วยเลเซอร์ที่มีความรุนแรงน้อยที่สุด โดยแพทย์จะยิงรังสีอินฟาเรดเข้าไปที่ผิวชั้นใน เพื่อให้เกิดการสะสมความร้อนใต้ผิว และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ขึ้น โดยเลเซอร์ชนิดนี้จะไม่ทำให้เกิดแผลบนผิว แต่อาจต้องรับบริการอย่างต่อเนื่องจึงจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลง
ใครที่เหมาะกับการทำเลเซอร์ผิวหน้า
หลายคนมักเข้าใจว่าเลเซอร์มีคุณสมบัติในการทำลายเม็ดสีที่มีสาเหตุจากสิวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วหากเลือกชนิดเลเซอร์อย่างเหมาะสม การใช้เลเซอร์ก็สามารถนำมาแก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างหลากหลาย ตอบโจทย์กับผู้ที่มีปัญหาผิวหลายประเภท ดังนี้
- ผู้ที่ต้องการกำจัดไฝ ขี้แมลงวัน ติ่งเนื้อ การเลือกใช้เลเซอร์ที่มีค่าพลังงานสูงอย่างคาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์จะช่วยเผาและตัดชิ้นเนื้อส่วนเกินขนาดเล็กๆ ออกได้ โดยไม่ทำให้เลือดออกหลังทำ แต่อาจมีสะเก็ดแผลเล็กๆ บนผิวได้
- ผู้ที่มีปัญหากระตื้น กระลึก ใบหน้าหมองคล้ำ สามารถแก้ปัญหาผิวด้วยเลเซอร์ได้ โดยใช้หลักการเดียวกับการเลเซอร์รอยสิว คือ ส่งพลังงานเข้าไปจับกับเม็ดสี ก่อนที่จะสลายเม็ดสีนั้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้น ช่วยให้สีผิวสม่ำเสมอและผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้น
- คนที่มีรอยดำ รอยแดง รอยสิว รอยดำหลังสิวหาย เป็นรอยที่เกิดจากการอักเสบของชั้นผิวหนัง จากการบีบ หรือการแกะสิว จนกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น จนเกิดรอยดำคล้ำกว่าสีผิวส่วนอื่น เป็นจุดด่างดำ หรือรอยดำ ส่วนรอยแดงสิว เป็นรอยที่เกิดจากเลือดไหลเวียน เพื่อซ่อมแซมผิวหนังที่เสียหายจากการเป็นสิว ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและกลายเป็นรอยสีแดงบนใบหน้า ซึ่งการใช้พลังงานเลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ให้เซลล์ผิวที่เป็นรอยด่างดำและเสียหายจากสิวถูกผลัดเซลล์ออกไป ทำให้ผิวกลับมากระจ่างใสขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย หลุมสิว รูขุมขนกว้าง ผิวหย่อนคล้อย การใช้เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวขึ้นมาใหม่ ช่วยให้ผิวบริเวณที่มีปัญหาเต่งตึง เรียบเนียน และดูกระชับมากขึ้น
เลเซอร์ผิวหน้ามีข้อดีและข้อจำกัดอย่างไร?
เลเซอร์ผิวหน้า เป็นหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายชนิด แต่อย่างไรก็ตามอาจต้องพิจารณาข้อดีและข้อจำกัดเหล่านี้ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ
ข้อดีของการเลเซอร์ผิวหน้า
- สามารถรักษาได้ในทุกสภาพผิว ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม และผิวแพ้ง่าย
- เห็นผลลัพธ์เร็ว โดยมักจะเห็นผลลัพธ์หลังรับบริการภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว ชนิดของเลเซอร์ที่เลือกใช้ และจำนวนครั้งที่เข้ารับบริการ
- ใช้เวลาพักฟื้นน้อย ในการเลเซอร์ที่ทำให้ผิวเกิดอาการลอก ผู้รับบริการอาจต้องทำการพักฟื้น 1-2 วัน เพื่อให้แผลเริ่มสมานตัวดีก่อน ในขณะที่เลเซอร์บางชนิด ผู้เข้ารับบริการอาจไม่ต้องพักฟื้นเลย เพียงแต่จะต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษในระยะแรกที่ทำเพื่อลดโอกาสเกิดอาการแทรกซ้อน
- ผลข้างเคียงน้อย หากเปรียบเทียบกับหัตถการอื่นๆ แล้ว การเลเซอร์นับเป็นหัตถการที่มีผลข้างเคียงน้อย โดยหลังทำอาจมีรอยแดง อาการบวม ผิวแห้ง แสบร้อน หรือสะเก็ดแผลเล็กน้อย ซึ่งจะหายเองได้ภายใน 1 สัปดาห์
ข้อจำกัดของการเลเซอร์ผิวหน้า
- ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ ผิวหนังติดเชื้อ สะเก็ดเงิน ผู้ที่มีแผลสด หรือเพิ่งได้รับการผ่าตัด โดยที่แผลยังไม่สมานตัวดี รวมถึงผู้ที่มีสิวอักเสบเป็นจำนวนมาก ควรรักษา สิวให้มีอาการดีขึ้นก่อน เนื่องจากการเลเซอร์อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้
- ไม่เหมาะกับสตรีมีครรภ์และกำลังให้นมบุตร เนื่องจากพลังงานเลเซอร์อาจส่งผลต่อสุขภาพทารกและมารดาได้
- อาจทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บขณะรับบริการได้ แต่โดยทั่วไปสถานพยาบาลจะมีการทายาชาให้ก่อนเข้ารับบริการ ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดขณะทำหัตถการได้
นอกจากนี้แล้ว การเลเซอร์ผิวหน้าอาจไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือโรคที่เกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน เพราะแผลอาจหายช้าและเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงมากกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ผู้ทำการรักษาด้วย
เลเซอร์หน้าใส ที่ Blossom Clinic มีอะไรบ้าง?
เลเซอร์หน้าใสมีอยู่หลากหลายนวัตกรรม โดยที่ Blossom Clinic มีเลเซอร์ให้เลือกรับบริการกว่า 5 ชนิด ดังนี้
1. Pico Laser
Pico Laser เป็นเครื่องเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง มาพร้อมกับนวัตกรรม Picosecond ที่สามารถปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็วในระดับความถี่ Picosecond ซึ่งมีความเร็วกว่า 1 ต่อล้านล้านวินาทีต่อการยิง 1 หน่วย ทำให้ระยะเวลาในการทำหัตถการสั้นกว่าการเลเซอร์ผิวด้วยชนิดอื่นๆ ลดการเกิดความร้อนบนผิวหนัง รวมถึงลดโอกาสที่จะเกิดผิวไหม้ขณะรับบริการได้
โดยตัวเครื่องที่ทาง Blossom Clinic ใช้ คือ PicoPlus สามารถปรับความยาวคลื่นได้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ 532-1,064 นาโนเมตร มาพร้อมหัวเลเซอร์เฉพาะถึง 5 หัว ทำให้สามารถแก้ปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม ดังนี้
- Zoom Handpiece หัวยิงปลายกว้าง เหมาะกับการรักษากระตื้น กระลึก กระแดด และปาน
- Collimated Handpiece หัวเลเซอร์ปลายเล็ก เหมาะกับการรักษาฝ้า กระ ปาน และรอยสิว
- RUVY Touch Handpiece หัวเลเซอร์สีแดงปลายเล็ก เหมาะกับการใช้รักษาปัญหาผิวอย่างกระเนื้อและติ่งเนื้อขนาดเล็ก
- Gold Toning Handpiece หัวเลเซอร์สีทองปลายเล็ก เหมาะกับการรักษาปัญหาผิวที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง เช่น รอยแดง และผื่นแดง
- Focused Dots Handpiece หัวเลเซอร์ปลายกว้างที่ใช้ร่วมกับคลื่นพลังงานสูงๆ เหมาะกับการเข้าไปกระตุ้นคอลลาเจนในระดับลึก ทำให้นิยมนำมาใช้ในการรักษาหลุมสิว รอยแผลเป็น และรูขุมขนกว้าง
การใช้งาน Pico เพื่อรักษาหลุมสิว ลดรูขุมขนกว้าง ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน อาจทำให้เกิดอาการผิวแดงประมาณ 5-7 วันหลังทำ ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ซึ่งนับเป็นอาการปกติที่พบได้ทั่วไปจากการใช้เลเซอร์
อย่างไรก็ตาม ico Laser เหมาะกับการแก้ปัญหาหลุมสิวระดับ Rolling Scar จนถึง Box Scar เท่านั้น ในส่วนของหลุมสิวที่อยู่ในระดับรุนแรงหรือมีความลึกของหลุมสิวมาก อาจต้องรับบริการหลายครั้งจึงจะเห็นผล
อย่างไรก็ตาม Pico Laser เหมาะกับการแก้ปัญหาหลุมสิวระดับ Rolling Scar จนถึง Box Scar เท่านั้น ในส่วนของหลุมสิวที่อยู่ในระดับรุนแรงหรือมีความลึกของหลุมสิวมาก อาจต้องรับบริการหลายครั้งจึงจะเห็นผล
2. Fractional CO2
Fractional CO2 นับเป็นนวัตกรรมเลเซอร์ที่มีความแม่นยำสูง เพราะพลังงานที่ถูกปล่อยจากเครื่องเป็นพลังงานเฉพาะ เรียกว่า “Fractional Photothermolysis” ซึ่งมีขนาดเล็กมากและมีความสามารถในการแทรกตัวลงไปใต้ผิวได้ถึงลึกชั้นหนังแท้ (Dermis) โดยไม่รบกวนเนื้อเยื่อบริเวณรอบๆ
เลเซอร์ชนิดนี้มักนิยมนำมาใช้ในการรักษาหลุมสิว เนื่องจาก Fractional CO2 สามารถตัดเนื้อเยื่อพังผืดที่ถูกดึงรั้งอยู่ใต้ผิวได้ รวมถึงยังได้รับการขนานนามว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียน เพราะสามารถนำมาจี้เพื่อกำจัดสิวบางชนิดที่ไม่สามารถรักษาด้วยการทาครีมบำรุงหรือยาได้ เช่น สิวหิน และสิวข้าวสาร
3. Dual Pro Laser
Dual Pro Laser เป็นเลเซอร์ที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดจุดด่างดำ รอยฝ้า กระ รวมถึงปัญหาผิวหมองคล้ำ เนื่องจากเป็นเลเซอร์ที่มีความแม่นยำและทำงานจำเพาะกับเม็ดสีเข้ม รวมถึงพลังงานยังสามารถลงสู่ผิวได้ถึงผิวชั้นลึก ทำให้ถึงแม้จะเป็นจุดด่างดำที่ฝังลึกเป็นเวลานานก็สามารถกำจัดได้
4. Ultra Charcoal Laser
Ultra Charcoal Laser เป็นเลเซอร์ที่มีการใช้เทคนิคเฉพาะ โดยการใช้ผงถ่านชาร์โคลบริสุทธิ์เข้ามาเป็นหนึ่งในขั้นตอนของหัตถการ ซึ่งผงถ่านจะช่วยดูดซับสิ่งสกปรก น้ำมัน และผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกมา รวมถึงยังทำหน้าที่เป็นตัวนำพลังงานให้เลเซอร์สามารถลงไปจับกับเม็ดสีบนรอยดำได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หลังทำผิวจึงดูสมดุล ความมันบนใบหน้าลดลง รูขุมขนแลดูกระชับ
5. V-IPL
V-IPL (Intense Pulsed Light) ไม่ใช่เลเซอร์แต่เป็นแก้ปัญหาผิวด้วยพลังงานแสง โดย V-IPL เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาจาก IPL มีกลไกการทำงานที่คล้ายคลึงกับเลเซอร์มาก ทำได้โดยการใช้คลื่นแสง (Intense Pulse Light) ในหลายช่วงความยาวคลื่น เข้าไปจับกับเม็ดสีเมลานินและปรับสภาพผิว
V-IPL มีประสิทธิภาพอย่างมากในการรักษารอยแดงและลดการทำงานของต่อมไขมัน หลังทำรูขุมขนจึงดูกระชับ ใบหน้าเรียบเนียน และดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนวัตกรรมที่กล่าวไปข้างต้นแล้วในผู้ที่มีปัญหาสิวเรื้อรังยังสามารถเข้ารับการรักษาที่ Blossom Clinic ได้เช่นกัน โดยอาจเลือกรับบริการเลเซอร์สิวหรือ Acne Laser ที่เป็นการบำบัดและรักษา สิวที่ต้นเหตุ เพื่อลดการอุดตันในรูขุมขนและลดการอักเสบ อย่างไรก็ตามหัตถการนี้จำเป็นต้องเข้าพบแพทย์เพื่อประเมินผิวก่อน เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์
ขั้นตอนการทำเลเซอร์ผิวหน้า
ขั้นตอนการทำเลเซอร์ผิวหน้านั้นไม่ได้มีความซับซ้อน เพียงแต่ก่อนเข้ารับบริการควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน รวมถึงหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อาจก่อให้เกิดความระคายเคือง เพราะปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้ผิวหน้าบอบบางและง่ายต่อการเกิดผิวไหม้ได้
ส่วนขั้นตอนการเลเซอร์ผิวหน้านั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละสถานพยาบาล แต่โดยทั่วไปแล้วจะมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
- พบแพทย์เพื่อประเมินปัญหาผิว ในขั้นตอนนี้สามารถแจ้งแพทย์ถึงข้อกังวล ปัญหาสุขภาพ รวมถึงหากมีการใช้ยาตัวใดอยู่ก็ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบด้วยเช่นกัน
- หากแพทย์ประเมินว่าสามารถรักษาผิวด้วยเลเซอร์ได้ เจ้าหน้าที่จะเช็ดทำความสะอาดใบหน้าเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเลเซอร์
- เจ้าหน้าที่ทาเจลหรือยาชาสำหรับบรรเทาอาการเจ็บปวดระหว่างยิงเลเซอร์
- แพทย์เริ่มยิงเลเซอร์ลงบริเวณผิวที่มีปัญหา หากเป็นเลเซอร์ชนิดที่ไม่ทำให้ผิวลอก อาจใช้เวลาเพียง 15 นาที ในขณะที่เลเซอร์ชนิดที่ทำให้ผิวลอก จะใช้เวลาทำประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้และบริเวณที่ต้องการรักษา
หลังจากเลเซอร์ผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะอธิบายถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังทำเพื่อให้การเลเซอร์มีประสิทธิภาพมากที่สุด
การดูแลตัวเองหลังทำเลเซอร์ผิวหน้า
เมื่อเลเซอร์ผิวหน้าเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับบริการควรดูแลผิวของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้บริเวณที่ทำเลเซอร์หายดี รวมถึงการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธีจะช่วยให้เห็นผลลัพธ์หลังทำที่ชัดเจนขึ้นด้วย โดยวิธีดูแลผิวหลังทำเลเซอร์มีดังนี้
- งดล้างหน้าหรือระวังไม่ให้หน้าสัมผัสน้ำหลังทำเลเซอร์ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นสามารถล้างหน้าได้ด้วยน้ำเกลือหรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน
- ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA++ ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน ถึงแม้จะไม่ได้ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งก็ตาม
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดหลังทำเลเซอร์อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ หากจำเป็นที่จะต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง ควรทาครีมกันแดดร่วมกับการสวมหมวกปีกกว้าง
- ทาครีมบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวแพ้ง่ายและเกิดการอุดตัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของกลุ่ม Hydroxy Acids กลุ่ม Benzoyl Peroxide และกลุ่ม Retinol ในช่วงหลังทำเลเซอร์ เนื่องจากอาจทำผิวหน้าบางลงได้
ส่วนในผู้ที่เลือกใช้ Fractional Pico Laser (โหมดยิงหลุมสิว ผิวเรียบ ลดรูขุมขน) ผิวอาจมีความบอบบางกว่าปกติ ทำให้หลังรับบริการเลเซอร์นอกจากจะดูแลตัวเองตามที่กล่าวไปข้างต้น อาจดูแลตัวเองเพิ่มเติม ด้วยการประคบเย็นหลังทำทันที เพื่อลดความร้อนและป้องกันการระคายเคือง ทายาลดการระคายเคือง ซึ่งอาการหน้าแดงเป็นจ้ำ จากการใช้พลังงานเลเซอร์ จะค่อยๆ จางลง และหายได้เอง โดยใช้เวลาประมาณ 7 วัน และผิวจะค่อยๆ สร้างคอลลาเจน เพื่อปรับสภาพผิวเรียบ รูชุมขนเล็กลง หลุมสิวตื้นขึ้นถาวร โดยใช้เวลาประมาณ 1-6 เดือน
ทำเลเซอร์ ที่ Blossom Clinic ดีอย่างไร?
หากคุณเป็นหนึ่งที่กำลังตามหา คลินิกเลเซอร์ ในนครปฐม ให้ Blossom Clinic เป็นหนึ่งในทางเลือก เราให้บริการด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน มีให้เลือกใช้หลากหลายนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง Pico Laser เครื่อง Fractional CO2 เครื่อง Dual Pro Laser เครื่อง Ultra Charcoal Laser หรือการแก้ปัญหาผิวด้วยแสงอย่าง V-IPL
ทุกเคสเราให้บริการโดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังรวมถึงแพทย์ที่มีความชำนาญในการทำเลเซอร์ แพทย์จึงสามารถประเมินผิวและเลือกวิธีรักษาได้อย่างตรงจุด แม่นยำ รวมถึงช่วยลดความเจ็บปวดขณะรับบริการและลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงหลังทำได้อีกด้วย
พิเศษ! หากทำโปรแกม Pico Plus ผู้เข้ารับบริการจะได้ตรวจสภาพผิวด้วยเครื่อง Facial Scan ทรีตเมนต์สูตรปลอบประโลมผิว และฉายแสง LED Light ลดการอักเสบหลังทำ ฟรี!
หากยังไม่มั่นใจว่าควรเลือกเลเซอร์ผิวหน้าด้วยเครื่องมือใด? เลือก คลินิกเลเซอร์ นครปฐมที่ไหนดี? ให้บลอสซั่ม คลินิก นครปฐม เป็นคำตอบ สามารถติดต่อเข้ามาเพื่อให้คุณหมอประเมินสภาพผิวและแนะนำหัตถการที่เหมาะสมตามแต่ละบุคคลได้เลย โดยติดต่อได้ที่ไลน์ @blossomclinic หรือเข้ามาปรึกษาที่คลินิก
ปัจจุบัน Blossom Clinic มี 3 สาขา ได้แก่ สาขานครปฐม บริเวณตรงข้าม มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ และอยู่ใกล้กับเซ็นทรัลนครปฐม , สาขาศาลายา ตรงข้าม มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา และสาขาสเตเดี้ยมวัน เดินทางง่ายใกล้ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ
Blossom Clinic Stadium One บลอสซั้มคลินิก สาขาสเตเดี้ยมวัน (BTS สนามกีฬาแห่งชาติ)
- Call: 02-460-9210 กด 2
- Map: https://goo.gl/maps/SPyRJbpCxfH5NtUr9
Blossom Clinic Nakhonpathom บลอสซั้มคลินิก สาขานครปฐม (คลินิก นครปฐม)
- Call: 02-460-9210 กด 3
- Map: https://maps.app.goo.gl/kWuqGp4mthi12E657
Blossom Clinic Salaya บลอสซั้มคลินิก สาขาศาลายา (คลินิก ศาลายา)
- Call: 02-460-9210 กด 4
- Map: https://goo.gl/maps/bUw5df2g9oASZQk76