หมอบีมชวนคุย เคล็ดลับความสวย ของคนวัยเลข 3 เลข 4
ทำอะไรถึงสวยขึ้นเรื่อยๆ
หมอบีมชวนคุย เคล็ดลับความสวย ของคนวัยเลข 3 เลข 4
- 30+ 40+ 50+ เคล็ดลับผิวสวยไม่รู้จบ : หมอบีมชวนคุย ปัญหาผิวและตัวช่วยหน้าเด็ก
- ปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย : เริ่มต้นเข้าใจปัญหาก่อนเลือกวิธีแก้ไข
- อายุ 30+ ปัญหาผิวหน้าแบบไหนที่มักเจอ?
- อายุ 40+ ปัญหาผิวหน้าแบบไหนที่มักเจอ?
- อายุ 50+ ปัญหาผิวหน้าแบบไหนที่มักเจอ?
- โครงสร้างชั้นผิวแก่ก่อนวัย : แก้ให้ถูกจุดแล้วผิวจะสวยขึ้น
- แนะนำตัวช่วยยกกระชับ ดูแลผิวให้สวย เป็นธรรมชาติ โดยหมอบีม Blossom
- Pico Laser (Pico) : ทางออกเรื่องเม็ดสีและผิวไม่สม่ำเสม
- Sculptra : ปลุกคอลลาเจน เพื่อผิวเต่งตึงยาวนาน
- Ultraformer III : จัดการหน้าหย่อนคล้อยด้วยคลื่นอัลตราซาวด์
- ฉีดโบ : จัดการริ้วรอยอย่างตรงจุด
- ฉีดเติมเต็มใบหน้า : ทางเลือกของผู้ที่ต้องการเติมเต็มใต้ตา ร่องแก้ม
- ทุกช่วงอายุก็สวยขึ้นได้ หากดูแลตรงจุด
- เลือกหัตถการย้อนวัยหน้าเด็กที่ใช่ กับ Blossom Clinic
30+ 40+ 50+ เคล็ดลับผิวสวยไม่รู้จบ : หมอบีมชวนคุย ปัญหาผิวและตัวช่วยย้อนวัยหน้าเด็ก
เมื่ออายุเพิ่มขึ้น…ผิวก็เปลี่ยนไป
คุณเคยสังเกตไหมว่าทำไมบางคนอายุย่างเข้าเลข 3 เลข 4 เลข 5 แล้ว แต่หน้าตายังคงสดใส ดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ? ในขณะที่บางคนอายุเท่ากันแต่กลับมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย หรือริ้วรอยชัดเจนจนเสียความมั่นใจ ความจริงแล้ว “ เคล็ดลับความสวย ” ไม่ได้มีเพียงแค่การบำรุงผิวหรือดูแลสุขภาพประจำวันเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเลือก “ตัวช่วยดูแลผิว” ได้ตรงจุดอีกด้วย
ในบทความนี้ หมอบีม Blossom นพ. คชาณัฐ พันธ์สุข (KACHANAT PHANSUK, MD.) จาก Blossom Clinic จะมาเล่าถึงการเปลี่ยนแปลงของผิวในช่วงอายุ 30+ 40+ และ 50+ ว่ามักเจอปัญหาผิวแบบไหนบ้าง และเราจะมีวิธีดูแล หรือเลือกหัตถการแบบใด เพื่อแก้ไขให้ผิวหน้ากลับมากระชับ อ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมแนะนำบริการด้านความงามยอดฮิต เช่น PRP Skin, โปรแกรมรักษาสิว, Ultraformer, การฉีดโบ, การร้อยไหม (Mint Lift), Pico Laser, Sculptra และการฉีดเติมเต็มใบหน้า ที่ Blossom Clinic ซึ่งเป็นคลินิกผิวหนังใกล้ฉัน บริการด้านความงามครบครันพร้อมแพทย์มากประสบการณ์ ตั้งแต่การดูแลผิวหน้าไปจนถึงการดูแลเส้นผม รักษาผมร่วงผมบาง เรียกได้ว่ามาที่เดียวสวยครบจบเลย
หากคุณกำลังมองหา beauty clinic near me หรือสนใจอยากแก้ปัญหาเฉพาะจุดเช่น ใต้ตา, ร่องแก้ม, ร่องน้ำหมาก, เหนียง, ฝ้า, กระ, จุดด่างดำ หรือปรึกษาเรื่องโบริ้วรอย และการเติมเต็มใต้ตา กับคลินิกรักษาสิว ใกล้ฉัน หรือคลินิกเลเซอร์ ใกล้ฉัน ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยและเชื่อถือได้ ขอเชิญอ่านต่อได้เลยครับ!
ปัญหาผิวแต่ละช่วงวัย : เริ่มต้นเข้าใจปัญหาก่อนเลือกวิธีแก้ไข
ก่อนอื่นลองทำความเข้าใจกันก่อนว่า เมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ซึ่งเรื่อง “ผิว” เองก็เป็นหนึ่งในด่านแรกๆ ที่เราจะสังเกตเห็นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย, ผิวบางลง, การเกิดเม็ดสีผิว เช่น ฝ้า, กระ หรือการหย่อนคล้อยตามจุดต่างๆ ของใบหน้า ทำให้เรากังวลกันอยู่บ่อยๆ
จากการวิจัยมีข้อมูลว่า ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิวจะสูญเสียไปเรื่อยๆ เฉลี่ยราว 1-2% ต่อปี ซึ่งคอลลาเจนและอิลาสตินนี้เองเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน และยืดหยุ่นได้ดี เมื่อสูญเสียไป ก็ส่งผลให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย, ผิวเหี่ยว, เกิดริ้วรอย, หรือมีร่องลึกต่างๆ (เช่น ร่องแก้ม, ใต้ตา) ตามมาได้ง่ายขึ้น อีกทั้งปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด มลภาวะ ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ยิ่งเร่งกระบวนการแก่ของผิวให้เกิดเร็วขึ้นด้วย
อายุ 30+ ปัญหาผิวหน้าแบบไหนที่มักเจอ?
- ผิวขาดความกระชับเล็กน้อย : เริ่มเห็นว่าผิวไม่เปล่งปลั่งเหมือนช่วงวัย 20 นอนดึกนิดเดียวก็โทรมง่าย หรือการเป็นสิว ที่ทำให้เกิดปัญหารอยสิว หลุมสิวตามมาในภายหลัง ก็ยังคงพบเห็นได้ไม่น้อยจากกลุ่มคนวัย 30+
- ริ้วรอยแรกเริ่ม : โดยเฉพาะริ้วรอยเล็กๆ รอบดวงตา มุมปาก หรือหน้าผาก
- หน้าหย่อนคล้อย : ในระดับที่ยังไม่หนักมาก แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเริ่มมีใต้ตายุบหรือผิวใต้ตาคล้ำลง, ร่องแก้มลึกขึ้นนิดหน่อย, ร่องน้ำหมาก, หรือเริ่มมีเหนียงเล็กๆ
อายุ 40+ ปัญหาผิวหน้าแบบไหนที่มักเจอ?
- หน้าหย่อนคล้อยชัดเจนขึ้น : เห็นชัดตรงบริเวณกรอบหน้า คอ และช่วงล่างของหน้า
- ริ้วรอยและเม็ดสีผิว : เริ่มเห็น ฝ้า, กระ, จุดด่างดำชัดขึ้น เพราะผิวเสื่อมสภาพง่ายขึ้น
- ชั้นไขมันบนใบหน้าเปลี่ยนแปลง : ทำให้บางคนเกิดการยุบของแก้ม ใต้ตา หรือขมับ
อายุ 50+ ปัญหาผิวหน้าแบบไหนที่มักเจอ?
- หน้าหย่อนคล้อยมากขึ้น : เพราะคอลลาเจนและอิลาสตินในผิวลดลงอย่างต่อเนื่อง
- เม็ดสีผิวเพิ่มมากขึ้น : ฝ้า, กระ, จุดด่างดำเกิดได้ง่ายและรักษายากขึ้น
- ผิวไม่เนียน : รูขุมขนกว้าง ผิวหน้าขรุขระ ไม่เรียบเนียน และอาจมีรอยย่นตามจุดต่างๆ ชัดเจน
- โครงสร้างชั้นผิวแก่ก่อนวัย : ชั้นไขมันและชั้นกระดูกก็เริ่มฝ่อ การไหลเวียนเลือดไม่ดี ทำให้ผิวหน้าดูโทรม การแก้ไขนั้นต้องทำอย่างถูกจุดและต่อเนื่อง
โครงสร้างชั้นผิวแก่ก่อนวัย : แก้ให้ถูกจุดแล้วผิวจะสวยขึ้น
แนะนำตัวช่วยยกกระชับ ดูแลผิวให้สวย กระจ่างใส
โดยหมอบีม Blossom Clinic
เมื่อเข้าใจภาพรวมของปัญหาผิวแต่ละช่วงวัยแล้ว คราวนี้มารู้จักกับตัวช่วยยอดนิยมจาก Blossom Clinic กันบ้าง ว่ามีอะไรที่น่าสนใจ และเหมาะกับใคร
PRP Skin : ฟื้นฟูผิวหน้ากระจ่างใส ด้วยเกล็ดเลือด
PRP Skin หรือ Platelet Rich Plasma เป็นโปรแกรมดูแลผิวผ่านการซ่อมแซมเซลล์ด้วยเกล็ดเลือดจากร่างกายของคนไข้เอง โดยการกระตุ้น Growth Factor คืนความอ่อนวัยให้กับผิวหน้า ช่วยในการลดเม็ดสีผิว ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวกลับมาแข็งแรง แก้ปัญหารูขุมขนกว้าง ช่วยให้รูขุมขนกระชับ ผิวหน้าเรียบเนียน ใบหน้ากระจ่างใสขึ้น ช่วยให้คนไข้มี Skin Quality ที่ดูดีขึ้น ดูหน้าเด็กลง เป็นธรรมชาติ
Acne Clear : โปรแกรมรักษาสิว เพิ่มความมั่นใจ ผิวใสขึ้น
สิว (Acne) เกิดจากการอุดตันบริเวณรูขุมขน จนทำให้ผิวอักเสบและนูนเป็นตุ่ม สิวอุดตัน สิวอักเสบ อาจเกิดร่วมกับสาเหตุอื่นๆ เช่น แบคทีเรียก่อสิว การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การผลิตน้ำมันที่ผิดปกติ การอุดตันของเครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่ง Acne Clear เป็นโปรแกรมรักษาสิวแบบครบจบทั้งกระบวนการเกิดปัญหาสิว ตั้งแต่ช่วยลดสิวและผดผื่น ลดความมันบนผิวหน้า ช่วยให้สิวแห้งไว ยุบตัวเร็ว พร้อมยับยั้งต้นตอของการเกิดสิว ไม่ให้กลับมาเป็นสิวซ้ำหรือเกิดปัญหาสิวซ้ำซาก ช่วยลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิว รวมถึงปัญหาหลุมสิว ลดความหมองคล้ำให้ผิวกลับมาสดใสอีกครั้ง
โดยการวางแผนเคลียร์ปัญหาสิว ฟื้นฟูผิวจากรอยสิว หลุมสิว ด้วยเทคนิคการรักษาเฉพาะบุคคล ไม่ว่าจะเป็นวิธีการกดสิว ฉีดสิว การทำทรีตเมนต์ผิว รักษาสิวด้วยการฉายแสง (Acne Light Therapy) หรือการรักษาแบบ Customized Skin Treatment โปรแกรมรักษาสิวที่มีด้วยกัน 4 สูตร เพื่อคนไข้ของ Blossom Clinic ทุกสภาพผิว ทั้งสูตรสำหรับคนหน้ามัน สิวบุก (Oily Skin & Fight Acne Solution) สูตรสำหรับคนผิวแห้ง (Dry & Aging Resistance) สูตรสำหรับคนผิวแพ้ง่าย (Sensitive Caring) สูตรสำหรับคนผิวหมองคล้ำ (Brighter Than Ever) การรักษาหลุมและรอยสิว ด้วย Pico Laser
Pico Laser (Pico) : ทางออกเรื่องเม็ดสีและผิวไม่สม่ำเสมอ
Pico Laser หรือที่นิยมเรียกสั้นๆ ว่า pico คือเลเซอร์ที่มีความเร็วสูงในระดับ Picosecond ช่วยรักษาฝ้า, กระ, จุดด่างดำ, รอยสัก หรือรอยแผลเป็นได้ดี เพราะสามารถแตกเม็ดสีในผิวได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
Pico laser มีกี่แบบ?
หลักๆ Pico Laser ในตลาดก็จะมีหลายยี่ห้อ หลักการทำงานคล้ายๆ กัน แต่ความยาวคลื่นอาจต่างกัน แพทย์จะเลือกใช้ให้เหมาะสมกับปัญหาฝ้า, กระ หรือจุดด่างดำของแต่ละบุคคล
โดย Pico Laser มี 2 โหมด สำหรับใช้รักษาปัญหาผิวที่แตกต่างกัน
- โหมด Pico Toning
เน้นการรักษาฝ้า และจุดด่างดำ ปรับผิวหน้ากระจ่างใส โดยที่ไม่ต้องพักฟื้น เพราะผิวหน้าไม่มีอาการแดงหลังทำ จึงสามารถแต่งหน้าได้ทันที ไม่มีแผล ซึ่งหัวยิงในโหมด Pico Toning มี 4 หัวยิงด้วยกัน- Zoom Handpiece มีความยาวคลื่น 532 และ 1064 นาโนเมตร
ใช้ในการรักษาปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงจากสิว รักษาปาน ได้เป็นอย่างดี - Toning Collimated Handpiece มีความยาวคลื่น 532 และ 1064 นาโนเมตร
ใช้ในการรักษารอยดำ ฝ้า ฟื้นฟูผิวหน้าและกระชับรูขุมขน - Gold Toning Handpiece (สีทอง) มีความยาวคลื่น 595 นาโนเมตร
ใช้ในการรักษารักษารอยแดง ผดผื่น ลบรอยสักสีฟ้าและสีเหลือง - RUVY Touch Handpiece (สีแดง) มีความยาวคลื่น 660 นาโนเมตร
ใช้ลดรอยสิว เลเซอร์รอยดำ ลบรอยสักสีเข้ม
- Zoom Handpiece มีความยาวคลื่น 532 และ 1064 นาโนเมตร
- โหมด Fractional Pico laser
ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิว ลดรูขุมขนกว้าง ปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน โดยพลังงานเลเซอร์ที่ตรงเข้าสู่ผิวจะสร้าง Laser Induced Optical Breakdown (LIOB) ทำให้เกิดคอลลาเจน กระตุ้นกระบวนการซ่อมแซมผิวของการร่างกายและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ที่เรียบเนียนมากยิ่งขึ้น การใช้พลังงานในโหมด Fractional Pico laser นี้ อาจส่งผลให้เกิดผิวหน้าแดง จุดแดงบนผิว หรือผิวเป็นสีอมชมพู ซึ่งเป็นอาการปกติ สามารถหายได้เองในช่วง 7 วันหลังทำโดยประมาณ โดยรวมแล้วจึงใช้ระยะพักฟื้นหลังทำประมาณ 7-10 วัน หัวยิงในโหมด Fractional Pico laser มีชื่อว่า Dual Focus Dots Handpiece มีความยาวคลื่น 1064 นาโนเมตร ใช้รักษาปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง ช่วยให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนอีกครั้ง
Pico แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
- ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้แม้ในชั้นผิวลึกหรือรักษายาก
- กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น กระจ่างใส
- รอยแผลเป็นจากสิวต่างๆ รอยแดง รอยดำ
- ลบรอยสัก
- รักษาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น
หากคุณต้องการปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาเม็ดสีผิว หรือกำลังหาคลินิกเลเซอร์ ที่ได้มาตรฐาน อย่าลืมสอบถามกับคุณหมอบีม Blossom ที่ Blossom Clinic ได้เลย
Sculptra : ปลุกคอลลาเจน เพื่อผิวเต่งตึงยาวนาน
Sculptra คือนวัตกรรมฟื้นฟูผิวฉ่ำใสย้อนวัยล่าสุด เป็นสารที่มีส่วนประกอบสำคัญในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแน่น อิ่มฟู ริ้วรอยลดลง และโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น คล้ายกับการฟื้นฟูผิวจากภายใน สัมผัสได้ถึงความอ่อนเยาว์ที่แลดูย้อนวัยไปเป็นสิบๆ ปีอย่างเป็นธรรมชาติ
Sculptra 1 ขวด ฉีดได้กี่ครั้ง?
โดยทั่วไป การใช้ Sculptra จะประเมินตามความเหมาะสมของแต่ละคน แต่ละขวดจะสามารถแบ่งฉีดได้ตามจำนวนจุดหรือตามโครงสร้างใบหน้าที่ต้องการแก้ไข โดยคำนวณปริมาณการฉีดด้วยการนำอายุของคนไข้ หาร 10 จะเท่ากับจำนวนขวด หรือ Dose ที่ต้องใช้ ซึ่ง 1 ขวด มีปริมาตรตัวยา 10 cc
ตัวอย่างการคำนวณปริมาณง่ายๆ เช่น คนไข้อายุ 30 ปี จะต้องใช้ Sculptra = 30/10 = 3 ขวด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพผิวของคนไข้ รวมถึงประวัติการทำหัตถการอื่นๆ ด้วย ซึ่งแต่ละครั้งในการรับบริการ สามารถฉีดได้ไม่เกิน 1-2 ขวดเท่านั้น
Sculptra กับการฉีดเติมเต็มใบหน้า ต่างกันอย่างไร?
- Sculptra : เน้นการกระตุ้นคอลลาเจนในผิว ทำให้หน้าเด้ง ตึงกระชับ ช่วยแก้เรื่องหน้าหย่อนคล้อยแบบเป็นธรรมชาติ และให้ผลที่ค่อนข้างยาวนาน
- การฉีดเติมเต็มใบหน้า : เน้นเติมเต็มพื้นที่ที่ยุบหรือขาดวอลุ่ม เช่น ใต้ตา, ร่องแก้ม, ขมับ, คาง ให้ดูสมส่วนขึ้นทันที แต่ไม่ได้กระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาวเท่า Sculptra
สำหรับบางคนที่ต้องการผลลัพธ์ทั้งแบบยกกระชับยาวนานและเติมเต็มจุดเล็กๆ บนใบหน้า อาจใช้ Sculptra ร่วมกับการฉีดเติมเต็มใบหน้าได้เช่นกัน
Ultraformer III : จัดการหน้าหย่อนคล้อยด้วยคลื่นอัลตราซาวด์
Ultraformer III ถือเป็นเลเซอร์ยกกระชับใบหน้าที่หลายคนนิยมมากๆ ช่วยในการยกกระชับและสลายไขมันใต้ชั้นผิวในขั้นตอนเดียว ผ่านคลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ที่ส่งพลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้กล้ามเนื้อหดตัวและยกกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ทิ้งรอยแผล และแทบไม่ต้องพักฟื้น เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อยและต้องการแก้ไขอย่างตรงจุดโดยไม่ต้องเจ็บตัวมาก
Ultraformer III แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
- ยกกระชับผิวหน้า : เหมาะกับผู้ที่มีหน้าหย่อนคล้อย, เหนียง, กรอบหน้าไม่ชัด
- ลดริ้วรอย : ริ้วรอยระดับเล็กถึงปานกลางสามารถจางลงได้
- กระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสติน : ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น
Ultraformer กี่ช็อตเห็นผล?
จำนวนช็อตที่ใช้จะแตกต่างกันไปตามปัญหาและโครงหน้าของแต่ละบุคคล บางคนอาจใช้ตั้งแต่ 300-600 ช็อต หรือมากกว่านั้น เพื่อให้ครอบคลุมและเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน โดยทั่วไปหลังทำจะเริ่มเห็นผลยกกระชับประมาณ 20-30% ทันที และชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ใน 1-2 เดือน
Ultraformer อยู่ได้นานแค่ไหน?
ผลลัพธ์สามารถคงอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเอง อายุ และสภาพผิว หากดูแลผิวดีๆ เช่น ทาครีมกันแดด, ทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนเพียงพอ ผลลัพธ์ก็จะอยู่ได้นานขึ้น
Ultraformer III กับ HIFU ต่างกันยังไง?
จริงๆ แล้ว Ultraformer III จัดอยู่ในกลุ่ม HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) เช่นกัน แต่ Ultraformer III เป็นเครื่องรุ่นใหม่ที่ปรับพลังงานได้หลากหลาย ความเจ็บน้อยกว่า และมีประสิทธิภาพการยิงจุดที่ดีขึ้น สามารถยกกระชับหน้าได้มากกว่า HIFU ทั่วไปถึง 5 เท่า จึงทำให้เป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
หลังทำ Ultraformer ห้ามทำอะไร?
- หลีกเลี่ยงความร้อนจัด เช่น การอบซาวน่า แช่น้ำร้อน หรือเลเซอร์อื่นๆ 1–4 สัปดาห์แรก
- ควรเลี่ยงงดการนวดหน้าหรือสครับหน้าแรงๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงแดดจัด เพราะผิวอาจยังอ่อนแอ ควรใช้ครีมกันแดด SPF สูงๆ สม่ำเสมอ
- ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ใน 3 วันแรก
- หากระบมหรือปวดเล็กน้อย ทานยาแก้ปวด ตามที่แพทย์แนะนำ และบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์สม่ำเสมอ
หากทำตามคำแนะนำของหมออย่างเคร่งครัด คุณก็จะได้ผลลัพธ์ที่เต็มประสิทธิภาพ
ฉีดโบ : จัดการริ้วรอยอย่างตรงจุด
นอกจากการยกกระชับด้วย Ultraformer III อีกหนึ่งหัตถการยอดฮิตสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องริ้วรอย เช่น รอยย่นหน้าผาก, ตีนกา, รอยย่นระหว่างคิ้ว ฯลฯ ก็คือการ “ฉีดโบ” ซึ่งหลายคนอาจเคยได้ยินในชื่ออื่นว่า “โบริ้วรอย” หรือ “Botox” โดยสารโบที่ใช้นั้นคือ Botulinum toxin ประเภท A ซึ่งเป็นโปรตีนที่ออกฤทธิ์หยุดการทำงานของกล้ามเนื้อชั่วคราว ช่วยให้กล้ามเนื้อที่ถูกฉีดมีการหดตัวและคลายตัวช้าลง จึงทำให้ริ้วรอยต่างๆ จางลง ผิวดูกระชับตื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้หลายคนหันมาใช้วิธีฉีดโบเพื่อจัดการปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าและคงความอ่อนเยาว์ได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
ฉีดโบ 100 ยู ทำอะไรได้บ้าง?
- ลดริ้วรอยบนใบหน้า : 100 ยูนิต สามารถแบ่งฉีดได้หลายตำแหน่งตามต้องการ เช่น หน้าผาก, หว่างคิ้ว, ตีนกา
- ปรับรูปหน้าเรียว : บางคนเลือกฉีดโบลดกราม เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ
- ลดเหงื่อ : สามารถฉีดรักแร้ ฝ่ามือ หรือฝ่าเท้า เพื่อลดการขับเหงื่อได้
ใครไม่ควรฉีดโบ?
- หญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อบางชนิด เช่น Myasthenia Gravis
- ผู้ที่มีประวัติแพ้โบทูลินัม ท็อกซิน
ฉีดโบอยู่ได้กี่เดือน?
ส่วนใหญ่การฉีดโบจะมีผลลัพธ์อยู่ได้นานราว 3–6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบที่ใช้ ปริมาณที่ฉีด เทคนิคการฉีด และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล หากฉีดโบอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ บางรายอาจพบว่าฤทธิ์ยาอยู่ได้นานกว่าปกติเล็กน้อย และสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ทันทีเมื่อรู้สึกว่ากล้ามเนื้อเริ่มกลับมาหดตัวหรือเมื่อริ้วรอยเริ่มปรากฏอีกครั้ง
ฉีดโบ กี่วันเห็นผล?
โดยทั่วไปหลังฉีดโบไประยะประมาณ 3–7 วันจะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลง ริ้วรอยลดลงชัดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์แรก อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจยังเห็นผลไม่ชัดมากนักช่วงแรกๆ เพราะตัวยาจะค่อยๆ ออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 2–4 สัปดาห์ และจะมีฤทธิ์สูงสุดในช่วง 4–8 สัปดาห์ (ประมาณ 1–2 เดือน)
ฉีดโบอเมริกา ดีกว่าอย่างไร?
โบสัญชาติอเมริกา มีงานวิจัยและการรับรองความปลอดภัยมายาวนาน บางรายงานระบุว่ากระจายตัวได้แคบกว่า ทำให้ฉีดแก้ปัญหาได้แม่นยำ แต่ในความเป็นจริง “ยี่ห้อ” หรือ “สัญชาติ” จะไม่ได้แตกต่างกันมากนักในแง่ประสิทธิภาพ หลักๆ แพทย์ผู้ฉีด และเทคนิคการฉีดก็สำคัญมาก หากสนใจสามารถปรึกษาหมอบีมที่ Blossom Clinic ว่าโบแบบไหนเหมาะกับคุณ
ร้อยไหม (Mint Lift) : ยกกระชับทันที ไม่ต้องผ่าตัด
อีกหนึ่งหัตถการที่นิยมในกลุ่มผู้มีหน้าหย่อนคล้อย คือการร้อยไหม (Mint Lift) ซึ่งไหม Mint Lift ที่มีเงี่ยง (Cog) ช่วยยกพยุงผิวให้เข้าที่ทันทีโดยไม่ต้องผ่าตัด มีความปลอดภัยสูง สลายได้ทั้งหมดอีกทั้งยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อยและต้องการยกกระชับทันที พร้อมผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
ร้อยไหมต้องพักฟื้นกี่วัน?
โดยทั่วไปหลังร้อยไหมอาจมีอาการบวมเล็กน้อย หรือรอยเข็ม 1-2 วัน แต่ไม่ได้ถึงขั้นต้องหยุดงานนานๆ คนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้แทบจะทันที
ร้อยไหม มีพังผืดไหม?
ไหม Mint Lift ที่ได้มาตรฐานมักเป็นไหมละลาย (PDO หรือ PLLA) เมื่อเวลาผ่านไปจะสลายตัวไปตามธรรมชาติ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในบริเวณที่ร้อย ส่วนโอกาสการเกิดพังผืดมีน้อยมาก หากทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญ ใช้วิธีการและจำนวนเส้นไหมที่เหมาะสม
ร้อยไหมมิ้นท์ อยู่ได้กี่ปี?
ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ประมาณ 1 ปี – 1 ปีครึ่ง แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและสภาพผิวแต่ละบุคคลด้วย
ฉีดเติมเต็มใบหน้า : ทางเลือกของผู้ที่ต้องการเติมเต็มใต้ตา ร่องแก้ม
หรือเสริมโหงวเฮ้ง
การฉีดเติมเต็มใบหน้า ฟิลเลอร์ (Filler) เหมาะกับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาจุดยุบบนใบหน้า เช่น ใต้ตา, ร่องแก้ม, ขมับตอบ, หรือปรับคางให้หน้าได้สัดส่วน ซึ่งสารที่ใช้ในการฉีดนั้นต้องเป็นสารที่ปลอดภัย สลายตัวได้ตามธรรมชาติ
สารฉีดเติมเต็มใบหน้า 1 cc ฉีดอะไรได้บ้าง?
โดยทั่วไป 1 cc จะเหมาะกับการเติมเต็มบริเวณเล็กๆ อย่างใต้ตาหรือร่องแก้มตื้น หากต้องการปรับรูปหน้าบริเวณกว้าง เช่น คางหรือแก้ม อาจต้องใช้มากกว่า 1 cc ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์และเทคนิคสารฉีดที่เลือกใช้ เนื่องจากแต่ละแบรนด์หรือรุ่นจะถูกออกแบบมาให้เหมาะกับตำแหน่งการฉีดที่แตกต่างกัน
การฉีดเติมเต็มใบหน้า vs การฉีดโบ ต่างกันยังไง?
- ฉีดเติมเต็มใบหน้า : เน้นเติมเต็มโครงสร้างหรือเพิ่มวอลุ่มให้ผิวดูฟูขึ้นทันที
- ฉีดโบ : เน้นหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อ ลดริ้วรอย หรือปรับรูปหน้าเรียวจากภายใน
Sculptra vs การฉีดเติมเต็มใบหน้า ต่างกันยังไง?
- Sculptra : ไม่ได้เติมเต็มโดยตรง แต่ไปกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวฟูขึ้นในระยะยาว
- การฉีดเติมเต็มใบหน้า : เห็นผลเรื่องเติมเต็มทันที แต่ไม่ได้กระตุ้นคอลลาเจนในระดับลึกเหมือน Sculptra
ทุกช่วงอายุก็สวยขึ้นได้ หากดูแลตรงจุด
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัย 30+ 40+ หรือ 50+ ต่างก็มีแนวโน้มเกิดปัญหาผิวที่แตกต่างกัน แต่ทั้งหมดสามารถรับมือได้หากเราเข้าใจปัญหา และเลือกเทคโนโลยีหรือหัตถการที่เหมาะสม ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายตัวช่วยให้เลือก เช่น
- Ultraformer III : ยกกระชับใบหน้าแบบไม่ผ่าตัด เหมาะกับผู้ที่กังวลหน้าหย่อนคล้อย, เหนียง, กรอบหน้าไม่ชัด
- ฉีดโบ: ลดริ้วรอย ปรับรูปหน้าเรียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ไว และฟื้นตัวเร็ว
- Sculptra : เน้นการสร้างคอลลาเจน กระตุ้นโครงสร้างผิว
- pico laser : จัดการปัญหา ฝ้า, กระ, จุดด่างดำ และกระชับรูขุมขน
- ร้อยไหม (Mint Lift) : ยกกระชับทันที เหมาะกับผู้ที่กังวลเรื่องความหย่อนคล้อยเฉพาะจุด
- การฉีดเติมเต็มใบหน้า : ใช้แก้ปัญหาใต้ตาลึก, ร่องแก้ม, หรือปรับโครงหน้าเป็นบางจุด
เลือกหัตถการย้อนวัยหน้าเด็กที่ใช่ กับ Blossom Clinic
หากคุณกำลังมองหา คลินิกรักษาสิว, คลินิกเลเซอร์, หรือคลินิกผิวหนังใกล้ฉัน ในพื้นที่นครปฐม หรือคลินิก ศาลายา ที่ให้บริการดูแลผิวครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น Ultraformer III, Sculptra, B0T0X, หรือการฉีดเติมเต็มใบหน้า ขอเชิญแวะปรึกษาหมอบีม Blossom แพทย์ผู้ชำนาญที่ Blossom Clinic ซึ่งการันตีคุณภาพจากรางวัลต่างๆ พร้อมดูแลและให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณได้สัมผัสผลลัพธ์แห่งความอ่อนเยาว์อย่างมั่นใจ!
Blossom Clinic ปัจจุบันมี 3 สาขา ได้แก่
- สาขานครปฐม : บริเวณตรงข้าม มหาวิทยาลัยศิลปากร พระราชวังสนามจันทร์ และอยู่ใกล้กับเซ็นทรัลนครปฐม
- สาขาศาลายา : ตรงข้าม มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหา คลินิกรักษาสิว ศาลายา หรือ คลินิกเลเซอร์ ใกล้มหาวิทยาลัย
- สาขาสเตเดี้ยมวัน (Stadium One) : ใกล้ BTS สนามกีฬาแห่งชาติ เดินทางสะดวก
หากต้องการนัดหมายหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่
Blossom Clinic Stadium One บลอสซั้มคลินิก สาขาสเตเดี้ยมวัน (BTS สนามกีฬาแห่งชาติ)
- Call : 02-460-9210 กด 2
- Map : https://goo.gl/maps/SPyRJbpCxfH5NtUr9
Blossom Clinic Nakhonpathom บลอสซั้มคลินิก สาขานครปฐม (คลินิก นครปฐม)
- Call : 02-460-9210 กด 3
- Map : https://maps.app.goo.gl/kWuqGp4mthi12E657
Blossom Clinic Salaya บลอสซั้มคลินิก สาขาศาลายา (คลินิก ศาลายา)
- Call : 02-460-9210 กด 4
- Map : https://goo.gl/maps/bUw5df2g9oASZQk76
หรือดูรายละเอียดเกี่ยวกับบริการเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://www.blossomclinicthailand.com/
เลือกความสวยที่มั่นใจ เลือก Blossom Clinic
เพราะเราเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะสวย ดูอ่อนกว่าวัย ในเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง