รับชมวิดีโอ รักษาสิวแบบจัดเต็ม กับคุณซิม ที่ Blossom Clinic
ถ้าหากพูดถึงต้นตอที่ทำให้เกิดปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ไม่กระจ่างใส Blossom Clinic เชื่อว่าหนึ่งในคำตอบของใครหลายคนก็คงหนีไม่พ้น “สิว” “รอยสิว” “หลุมสิว” เพราะนอกจากจะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกสภาพผิวแล้ว ยังเกิดได้กับผิวของคนทุกเพศ ทุกวัย และยังมีหลายประเภทอีก
ปัญหาที่มักจะตามมาก็คือ รอยคล้ำเป็นจุดเล็ก ๆ ซึ่งหากรวมกันหลายจุด ก็จะส่งผลให้ผิวดูหมองคล้ำ ยิ่งกว่านั้น การเป็นสิว ยังอาจทิ้งรอยแผลหลังสิวหาย จนกลายเป็นหลุมสิว ทำให้ภาพรวมของเนื้อผิวดูไม่เรียบเนียน จนส่งผลต่อความมั่นใจได้ เพื่อให้หาแนวทางการรักษา สิวอุดตัน อย่างถูกวิธี มาทำความรู้จักต้นตอของการเกิดสิว ที่นำไปสู่การเกิดรอยสิว และหลุมสิวกันเลยดีกว่า
รู้จัก ไมโครมิโดน (Micromedone) ต้นตอของการเกิดสิว
ไมโครมิโดน (Micromedone) คือ ระยะแรกของการอุดตันในรูขุมขน ที่ยังไม่เป็น สิวอุดตัน เกิดจากเซลล์ Keratinocyte ซึ่งเป็นเซลล์ที่ผลิตเคราตินเกิดการอุดตันในรูุขุมขน ทำให้สิวอุดตันค่อยๆ ก่อตัวขึ้นบริเวณใต้ผิวหนัง ซึ่งจะยังไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก แต่หากปล่อยไว้จะพัฒนากลายเป็นสิวอุดตัน
สิวคืออะไร? สิวอักเสบ กับ ไม่อักเสบ ต่างกันอย่างไร?
สิว (Acne) คือ ปัญหาการอุดตันของรูขุมขนกับต่อมไขมันใต้ผิว จนทำให้เนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าวเกิดการอักเสบและนูนเป็นตุ่มหรือก้อนไตแข็งๆ เมื่อเอานิ้วไปกดอาจทำให้รู้สึกเจ็บ แบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
1. สิวอุดตัน (Comedones) หรือสิวไม่อักเสบ
เป็นสิวที่มีสาเหตุมาจากการอุดตันของต่อมไขมันแต่ไม่มีการอักเสบ ส่วนมากจะมีก้อนนูนเล็ก ๆ และไม่บวมแดง เมื่อกดจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่หากไม่รีบรักษาให้สิวยุบ ก็สามารถพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้ในภายหลัง แบ่งออกได้ 3 ชนิด ได้แก่
- สิวหัวขาว (White heads Acne) หรือสิวหัวปิด (Close Comedone) เป็นสิวเม็ดเล็กๆ ที่มีตุ่มด้านบนเป็นสีขาวหรืออาจเป็นสีเดียวกับเนื้อผิว แตะแล้วไม่เจ็บ แต่บีบออกได้ยากเนื่องจากรากสิวอยู่ลึก และหัวสิวไม่เปิด ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ ทำให้เนื้อผิวที่เป็นสิวขาดออกซิเจนด้านใน ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้ดี และทำให้มีโอกาสลุกลามเป็นสิวอักเสบได้
- สิวหัวดำ (Black heads Acne) หรือ สิวหัวเปิด (Open Comedone) เป็นสิวเม็ดเล็กที่มีตุ่มด้านบนเป็นสีดำ โดยเกิดจากน้ำมันผิวกับเซลล์ผิวเก่าทำปฏิกิริยา Oxidation กับออกซิเจนในอากาศ เป็นสิวที่มักแบนราบและไม่นูน แต่ก็มีโอกาสลุกลามกลายเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน
2. สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
เป็นสิวที่มีลักษณะนูนแดงกว่า สิวอุดตัน เมื่อกดแล้วจะรู้สึกเจ็บ ส่วนมากเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย P.acne (Propionibacterium Acnes) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปบริเวณผิวหนัง ในรูขุมขน และในต่อมไขมันของผิวมนุษย์ แบ่งออกได้ 3 ชนิด ได้แก่
- สิวตุ่มแดง (Pupule) เป็นสิวที่มักพัฒนามาจากสิวอุดตัน มีลักษณะเป็นตุ่มแดงนูนหรือเป็นไตแข็งสีแดง มักกดเจ็บได้ง่าย และหากพยายามแกะสิวชนิดนี้ก็มักจะไม่ยุบตัวลง แต่จะลุกลามเป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และมีหนองตรงหัวสิวร่วมด้วย
- สิวหัวหนอง (Pustule) เป็นสิวที่ลุกลามมาจากสิวอุดตันหรือสิวตุ่มแดง โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดเล็ก แต่จะมีจุดสีขาวเหลืองอยู่ตรงหัวด้วยซึ่งก็คือน้ำหนองจากการอักเสบ และกดเจ็บได้ง่ายเช่นกัน
- สิวหัวช้าง (Nodule) เป็นสิวที่มักเป็นก้อนนูนสีแดงหรือสีชมพูขนาดใหญ่ หรืออาจมีลักษณะเป็นแผ่นไตขนาดใหญ่ ไม่มีหัว เมื่อเอานิ้วกดหรือสัมผัสโดนเบาๆ ก็จะเจ็บปวดมาก โดยมีสาเหตุมาจากการอักเสบที่ลุกลามรุนแรง หากไม่รีบรักษาจะมีโอกาสทำให้ผิวเกิดหลุมสิวเป็นบ่อได้
สิวเกิดจากอะไร?
สิวมีสาเหตุที่ทำให้เกิดได้จากหลายปัจจัย โดยสามารถแจกแจงได้เป็น 2 ปัจจัยใหญ่ๆ ได้แก่
1. ปัจจัยภายในร่างกาย
เป็นปัจจัยที่เกิดจากความผิดปกติของสุขภาพ หรือเกิดการผลิตสารที่เกี่ยวข้องกับผิวที่มากเกินไปจนเกิดการอุดตันและทำให้เกิดสิว เช่น
- การผลัดเซลล์ผิวที่ผิดปกติของรูขุมขน (Follicular hyperkeratinization)
เกิดจากเซลล์เคราตินอยด์ (Keratinocyte) มีจำนวนมากเกินไป โดยเซลล์นี้มีหน้าที่สร้างสารเคราติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเส้นขน เส้นผม และเล็บมือมนุษย์นั่นเอง แต่หากมีจำนวนมากเกินไป เมื่อเซลล์เกิดการผลัดตัวในรอบใหม่ ก็มีโอกาสทำให้เซลล์ที่ผลัดตัวไปแล้วจะยังคั่งค้างอยู่ในรูขุมขน และไปรวมกับน้ำมันจากต่อมไขมันกับแบคทีเรียในรูขุมขน จนทำให้เกิดสิวได้ - การผลิตน้ำมัน (Serum)
เกิดจากระดับฮอร์โมนไม่ปกติ เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน (Sebum) และทำให้เกิดการผลิตน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า และเกิดการอุดตันจนกลายเป็นสิวได้นั่นเอง - เชื้อสิว (C.acne และ P.acne)
การสะสมของแบคทีเรีย P.acne (Propionibacterium Acnes) หรือชื่อใหม่คือ C.acne (Cutibacterium acnes) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ตามปกติในผิวหนังของมนุษย์ หากมีปริมาณมากเกินไป หรือภูมิคุ้มกันร่างกายเกิดการตอบสนองต่อแบคทีเรียชนิดนี้ ก็จะทำให้ผิวหนังอักเสบจนเป็นสิวได้ - การอักเสบของรูขุมขน (Inflammation)
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในรูขุมขน หรืออาจเกิดจากการกำจัดขน หรือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางประเภทที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและการอุดตันภายในรูขุมขน มีอาการที่สังเกตเห็นได้ คือ อาการแดงนูนบริเวณรูขุมขน เป็นตุ่มหนอง อาการคัน หรือมีอาการปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย
2. ปัจจัยภายนอกร่างกาย
เป็นปัจจัยที่เกิดจากพฤติกรรมหรือการใช้สารบางอย่างที่ทำให้เกิดความผิดปกติที่เนื้อผิวหรือรูขุมขน จนทำให้เกิดสิว โดยกรณีที่พบได้บ่อยๆ ได้แก่
- การใช้เครื่องสำอาง ครีม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด ที่มีสารก่อให้เกิด Comedone ซึ่งอาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองหรือแพ้ และเกิดการอักเสบกลายเป็นสิวหรือผดผื่น
- การใช้ยาสีฟันบางยี่ห้อ หรือล้างคราบละอองยาสีฟันออกจากใบหน้าไม่สะอาด จึงทำให้เกิดการสะสมของคราบสกปรกและทำให้เกิดการอักเสบ ส่วนมากจะทำให้เกิดสิวบริเวณรอบริมฝีปากและใต้คาง
- การสัมผัสแสงแดดอย่างต่อเนื่อง จนกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามาก ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และกลายเป็นสิว
- การรับประทานอาหารบางชนิดมากเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่สามารถไปกระตุ้นระดับฮอร์โมนหรือทำให้เกิดการอักเสบที่ผิวได้ เช่น แป้ง อาหารที่มีส่วนประกอบของนม อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง อาหารฟาสต์ฟู้ด
- การใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้า อาจก่อให้เกิดสิวได้ง่ายๆ เพราะผ้าเช็ดตัว มีการสะสมของแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมาก
วิธีการรักษาสิวแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จาก Blossom Clinic จะพิจารณาแนวทางการรักษาสิวที่เหมาะกับผู้เข้ารับบริการแต่ละท่าน ซึ่งในปัจจุบันวิธีรักษาสิวก็จะแบ่งออกได้หลายแนวทาง ผู้เข้ารับบริการแต่ละท่านอาจใช้วิธีรักษาได้มากกว่า 1 แนวทาง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เช่น
วิธีกดสิว
เป็นการใช้อุปกรณ์บีบหรือเจาะผิวส่วนที่เป็นสิว เพื่อเปิดหัวสิว และระบายของเหลวที่อยู่ด้านในออกมา ทำให้สิวหยุดการเติบโต มีข้อดีคือช่วยยับยั้งการอักเสบของสิวได้ในทันที แต่มีข้อเสียคือ มักทำให้เจ็บ และอาจทำให้เกิดรอยแผลได้
วิธีทายา
เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มที่ช่วยกระตุ้นทำให้ผิวผลัดเซลล์ หรืออาจเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียใต้ผิว หรือช่วยลดการอุดตันที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ปริมาณสิวลดลง ช่วยลดจำนวนแบคทีเรีย และยังทำให้ผิวผลัดเซลล์สม่ำเสมอ เป็นวิธีรักษาสิวที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เพียงแต่ต้องใช้เวลารักษานานและต่อเนื่อง รวมถึงต้องให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้ มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาจากผลิตภัณฑ์ที่ไปซื้อมารักษาสิวเองได้
วิธีฉีดสิว
เป็นการฉีดสารสเตียรอยด์เพื่อไปหยุดการอักเสบของสิว เป็นอีกวิธีที่ทำให้สิวยุบตัวเร็วเช่นกัน และยังเห็นผลได้ไวกว่าวิธีทายา แต่ก็อาจทำให้เจ็บระหว่างทำหัตถการ และเกิดรอยแผลได้
วิธีกินยา
นอกจากยาในรูปแบบยาทา ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อแบคทีเรีย บางชนิดยังมีอยู่ในรูปแบบยากินด้วย โดยแพทย์อาจสั่งจ่ายให้กินร่วมกับยาทา มีข้อดีคือ ช่วยเสริมกำลังให้การรักษาสิวเห็นผลได้เร็วขึ้น แต่มีข้อเสียคือ อาจมีโอกาสดื้อยาได้
วิธีใช้ยาฮอร์โมน
เป็นวิธีรักษาสำหรับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุล หรือมีความผิดปกติจนทำให้เกิดสิว แพทย์จะจ่ายยาฮอร์โมนหรือยาคุมกำเนิด เพื่อลดระดับฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวให้ แต่ต้องใช้ยาภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
วิธีทำทรีตเมนต์ผิว
เป็นการเติมสารวิตามิน ตัวยา หรือสมุนไพรที่ช่วยบำรุงผิวที่เสื่อมโทรมให้กลับมาแข็งแรงลงสู่ผิว ทำให้โอกาสเป็นสิวน้อยลง แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องหลายครั้งจึงจะเห็นผลได้ชัด
วิธีใช้พลังงานแสง หรือที่เรียกว่า “Acne Light Therapy”
เป็นวิธีรักษาสิวด้วยการฉายแสงที่มีประโยชน์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนผิว รวมถึงลดการอุดตันของรูขุมขนได้ ทำให้สุขภาพผิวแข็งแรง และลดปัจจัยทำให้เกิดสิวให้น้อยลง นอกจากนี้ยังสามารถนำไปปรับใช้กับการลดรอยดำหรือรอยแดงจากสิวได้อีกด้วย
วิธีนวดฟื้นฟูสุขภาพผิว
เป็นอีกวิธีรักษาสิวเช่นกัน แต่ไม่ผ่านการรักษาสิวที่ผิวโดยตรง แต่จะเป็นการนวดเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของหลอดเลือดและน้ำเหลือง ทำให้ผิวหน้าได้รับการปรับสมดุลสุขภาพใหม่ มีเลือดมาไหลเวียนอย่างเพียงพอ ลดโอกาสเป็นสิวได้ทางหนึ่ง
การรักษาแบบ “Customized Treatment”
เป็นบริการรักษาสิวแบบพิเศษของ Blossom Clinic สำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจว่าควรรักษาสิวด้วยวิธีใด โดยบริการ “Customized Skin Treatment” เป็นการบำรุงฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึกถึง 7 ขั้นตอน เพื่อให้สุขภาพผิวแข็งแรงขึ้น เสริมความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย และช่วยลดความหมองคล้ำให้ผิวกลับมาสดใสอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีหลายสูตรให้เลือก เพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล เหมาะกับทุกสภาพผิว ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย หรือผิวขาดการบำรุงจนหมองคล้ำไม่กระจ่างใส
สิวสามารถหายเองได้จริงไหม?
สิวบางประเภทสามารถยุบตัวหายได้เองโดยไม่ต้องพึ่งวิธีรักษาสิว โดยอาจใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป แต่โดยส่วนใหญ่ สิวทุกรูปแบบเมื่อยุบตัวไปแล้ว ก็มักจะทิ้งร่องรอยจุดด่างดำหรือรอยแดงเอาไว้ ในบางรายอาจเป็นหลุมสิวที่เป็นร่องลึกลงไป และทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน การปรึกษาแพทย์เมื่อมีปัญหาสิวจึงนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
รอยสิวแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
รอยสิวที่พบได้หลังจากสิวยุบตัวหรือได้รับการรักษาจะแบ่งออกได้ 2 ประเภท ได้แก่
- รอยแดง (Post Acne Erythema: PAE) เป็นรอยที่เกิดจากเลือดไหลเวียนมาหล่อเลี้ยง เพื่อซ่อมแซมผิวหนังที่เสียหายจากการเป็นสิว ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและกลายเป็นรอยสีแดง บางรายอาจพบรอยชมพูหรือรอยม่วงได้
- รอยดำ (Postinflammatory Hyperpigmentation: PIH) เป็นรอยที่เกิดจากการอักเสบของชั้นผิวหนังแท้ จากพฤติกรรมการบีบ หรือการแกะสิว และไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีเมลานินมากกว่าเดิม จนเกิดรอยดำคล้ำกว่าสีผิวส่วนอื่น เป็นจุดด่างดำ หรือรอยดำ
วิธีรักษารอยสิว
วิธีรักษารอยสิวนั้นทำได้หลายแนวทาง โดยวิธีที่นิยมกันในปัจจุบันได้แก่
การสครับหรือทรีตเมนต์หน้า
เป็นวิธีฟื้นฟูผิวผ่านการใช้สารวิตามินหรือสมุนไพรที่ช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เช่น น้ำผึ้ง มะนาว โยเกิร์ต ว่านห่างจระเข้ ซึ่งนอกจากลดรอยสิวแล้ว ยังมีโอกาสเสริมให้ผิวหน้าชุ่มชื้น กระจ่างใส และยังลดการอักเสบของผิวได้อีกด้วย
ใช้ยาทารักษารอยสิว
อาจเป็นยากลุ่มที่มีสารประกอบของวิตามินเอ วิตามินบี 3 อย่างสารนิโคตินาไมด์ (Nicotinamide) หรือสารเรตินอยด์ (Retonoid) ซึ่งช่วยเสริมผิวให้กระจ่างใส หรือลดการอักเสบของเนื้อผิวที่ทำให้รอยจุดด่างดำหรือรอยแดงเข้มขึ้นกว่าเดิมได้
การทาครีมกันแดด
ปกป้องผิวจากแสงแดด ด้วยการทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF50 PA+++ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UV ทำร้ายผิว โดยแนะนำให้ทาครีมกันแดด ก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาทีเป็นประจำทุกวัน ช่วยให้ผิวไม่คล้ำเสีย รอยดำไม่เข้มขึ้น ผิวดูสว่างใสมากขึ้น
บำรุงผิวให้ขาวขึ้น
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี หรือกลุ่ม Whitening เป็นประจำ ช่วยปรับสภาพผิวให้ดูขาวและกระจ่างใสมากขึ้น
ใช้เลเซอร์รักษารอยสิว
เป็นอีกวิธีรักษารอยสิวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยพลังงานเลเซอร์จะเข้าไปกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ทำให้เซลล์ผิวที่เป็นรอยด่างดำและเสียหายจากการเป็นสิวถูกผลัดเซลล์ออกไป ทำให้ผิวหลังการรักษากลับมากระจ่างใสเร็วขึ้น
ในปัจจุบันนวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยรักษารอยสิวแบ่งออกได้หลายชนิด โดยทาง Blossom Clinic แนะนำการรักษารอยสิว ด้วย “Dual Pro Laser” สามารถลดรอยดำจางไวขึ้น 6-8 เท่า หรือรักษาด้วย “Ultra Charcoal Laser” ซึ่งเป็นเลเซอร์คุณภาพสูงที่สามารถจับเม็ดสี ที่ทำให้เกิดปัญหารอยดำได้ดี หรือการทำ “V-IPL Laser” เพื่อช่วยลดรอยแดง ลดสิวอักเสบ ช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ทางคลินิกยังนิยมเลือกใช้ “Pico Laser” ซึ่งเป็นพลังงานเลเซอร์ที่กำลังได้รับความนิยมในการลดรอยจุดด่างดำของสิวเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความแม่นยำ พลังงานสม่ำเสมอ มีความปลอดภัย และยังไม่สร้างสะเก็ดแผลไว้บนผิวหนัง
รับชมวิดีโอ ผลลัพธ์ปังมาก!! PicoPlus Laser
นอกจากนี้พลังงาน Pico Laser ยังมีประโยชน์ในการรักษาปัญหาผิวได้หลายด้าน ไม่ใช่เพียงปัญหารอยสิวอย่างเดียว แต่ปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง รอยฝ้า กระ ปานแดง ปานดำ ลบรอยสัก หรือรักษาหลุมสิว ที่แก้ไขได้ยากก็สามารถรักษาได้เช่นกัน
หลุมสิว คืออะไร? แบ่งเป็นกี่ระดับ?
หลุมสิว (Atrophic Scars) มักเป็นรอยแผลที่ต่อยอดมาจากสิว ซึ่งอักเสบรุนแรง จนเกิดเป็นหลุมหรือร่องลงไปจากเนื้อผิวปกติ โดยเกิดจากการซ่อมแซมตนเองของผิวหลังเป็นสิว แต่ด้วยคอลลาเจนและเซลล์เนื้อเยื่อที่ไม่เพียงพอ จึงทำให้ผิวบริเวณดังกล่าวไม่ได้นูนกลับขึ้นมาเทียบเท่ากับผิวโดยรอบ และทำให้เกิดมิติแสงเงาที่ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน สามารถแบ่งความรุนแรงของหลุมสิวออกเป็น 3 ระดับ
- ระดับทั่วไป
หลุมสิวแบบตื้น สามารถใช้ยาทา เพื่อเติมเต็มหรือกระชับหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้ - ระดับปานกลาง
ลักษณะเป็นหลุมกว้าง และมีความลึกในระดับชั้นผิว สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาควบคู่กับการทำทรีตเมนต์ หรือเลเซอร์ - ระดับรุนแรง
หลุมสิวลักษณะนี้จะเป็นหลุมลึก ปากของหลุมแคบ สิวกินเนื้อไปจนถึงชั้นรูขุมขน ใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน เพื่อช่วยให้รอยหลุมตื้นขึ้นมา
วิธีรักษาหลุมสิว ที่ Blossom Clinic แบบไหน? ได้ผลไว หลุมสิวหายเร็ว
Blossom Clinic มีบริการรักษาหลุมสิวหลากหลายแนวทาง ทั้งการทำหัตถการและใช้นวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาหลุมสิวได้อย่างตรงจุด โดยจะมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ช่วยวางแผนการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะกับปัญหาของแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ
Miracle Repair Cocktail
เทคโนโลยีใหม่ นำเข้าจากเกาหลี ช่วยกระชับรูขุมขน เบลอรูขุมขน เติมเต็มหลุมสิวและร่องลึก โดยการใช้ปืนยิงตัวยาระดับความลึกที่มีความแม่นยำ และมีความละเอียดสูง เห็นผลทันทีหลังทำ ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น เหมาะกับคนที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง และหลุมสิวตื้น
Fine Skin
นวัตกรรมเลเซอร์รักษาหลุมสิว กระชับรูขุมขน โดยใช้หลักกระตุ้นการเกิดผิวใหม่ ด้วยพลังงานความร้อน ในรูปของพีระมิดทรงคว่ำ ที่ช่วยสลายพังผืดใต้ผิว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดหลุมสิวได้อย่างแม่นยำ ทำให้หลุมสิวตื้น ผิวเรียบ รูขุมขนกระชับขึ้น เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคนที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง และมีหลุมสิว
Subsicion
โปรแกรมรักษาหลุมสิวและรูขุมขนกว้าง โดยการใช้เข็มขนาดเล็กพิเศษจิ้มซ้ำๆ ลงบนผิวบริเวณที่เป็นหลุมสิว เพื่อเกิดบาดแผลเล็กๆ กระตุ้นชั้นหนังแท้บริเวณใต้หลุมสิว ช่วยสลายพังผืดใต้ผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวเกิดการซ่อมแซมและฟื้นฟู ทำให้หลุมตื้นขึ้นอย่างช้าๆ แนะนำทำร่วมกับ Fine Skin เหมาะกับคนที่เป็นหลุมสิวขอบตัด หรือมีปัญหารูขุมขนกว้างเป็นอย่างมาก
เลเซอร์ Fractional CO2 Laser
เลเซอร์รักษาหลุมสิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รักษาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น รูขุมขนกระชับ ช่วยปรับสภาพผิวที่ดูขรุขระ มีหลุมสิว ผิวไม่เรียบ มีรอยแผลเป็น หรือริ้วรอยเล็กๆ ให้ผิวเรียบเนียนดูสดใสมากยิ่งขึ้น
Q&A คำถามเกี่ยวกับ ‘สิว’ ที่พบบ่อย
สิวที่แก้ม มักเกิดจากสิ่งสกปรกอุดตัน และเซลล์ผิวเก่าบนใบหน้า รวมกับน้ำมันบนผิวบริเวณแก้ม ทำให้เกิดการอุดตัน และได้รับการกระตุ้นด้วยแบคทีเรียบนผิวหน้า ทำให้เกิดการอักเสบเป็นสิว ซึ่งสิวบริเวณแก้มมีหลายประเภท ทั้ง สิวอุดตัน สิวหัวหนอง สิวหัวช้าง สิวผด หรือแม้แต่สิวเสี้ยน วิธีการรักษาเมื่อเป็นสิวที่แก้ม จะรักษายังไง ขึ้นอยู่กับประเภทของสิว เช่น ใช้แผ่นแปะดูดสิว ในกรณีเป็นสิวที่ไม่มีหัว อย่างสิวอุดตัน จะช่วยดูดหนองออกให้สิวแห้งไวขึ้น หรืออาจใช้วิธีการกดสิว แต่ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรลงมือกดสิวด้วยตนเอง หรือหากเป็นสิวอักเสบ อาจใช้วิธีการฉีดสิว เพื่อให้สิวยุบและลดการอักเสบ เป็นต้น
การรักษาหลุมสิวด้วยตัวเอง กรณีเป็นหลุมสิวระดับทั่วไป หรือหลุมสิวตื้น อาจทายารักษาหลุมสิว (กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ เรตินอยด์ (Retinoid) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ หรืออาจเลือกใช้วิธีตามธรรมชาติ อย่างการพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้ ใบบัวบก หรือมะละกอสุก มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวตื้นมากขึ้น แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าผิวจะดีขึ้น จึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาแนวทางรักษาหลุมสิวที่ดีและได้ผลเร็วที่สุด
นอกจากกดสิวออกแล้วอาจเลือกใช้ยาละลายหัวสิว ที่นิยมใช้ มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอ และกรดวิตามินเอสังเคราะห์ ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนให้หลุดลอกออก ลดการอุดตันในรูขุมขน จึงช่วยลดสิวหัวดำได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถทำทรีตเมนต์ผิว เพื่อลดสิวหัวดำยอดนิยมอย่าง “Customized skin treatment” “Acne light therapy” Basic treatment เป็นต้น
หากต้องการรักษาสิวอักเสบแบบเร่งด่วน แนะนำให้ทำการกดสิว หรือฉีดสิว แต่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือยาทาสิวที่มี Benzoyl Peroxide เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ช่วยลดการอักเสบของสิวอย่างได้ผล
สิวหัวช้าง อาจเกิดจาก 4 สาเหตุหลักๆ ได้แก่ เซลล์ในรูขุมขนเพิ่มจำนวนมากเกินไป มีน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า การสะสมของแบคทีเรียบนผิวหน้า หรือการอักเสบของรูขุมขน เป็นต้น
ให้ Blossom Clinic เป็นผู้ช่วยดูแลปัญหาผิว เพื่อการรักษาอย่างตรงจุดและเห็นผล สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการรักษา หรือปรึกษาแพทย์ในเบื้องต้น โดยการลงทะเบียนด้านล่างได้เลย